3 สาวไทยเผยชีวิตในขุมนรก ถูกหลอกให้ค้ากามที่เมืองล็อกกิ่ง หนักสุดถึงขั้นบังคับเสพยา

3 สาวไทยเปิดใจ ช่วงชีวิตในขุมนรก หลังจากถูกหลอกไปทำงานที่เมืองล็อกกิ่ง ในเขตปกครองพิเศษพม่า ท้ายที่สุด จะต้องขายบริการ หนักสุดถึงขั้นบังคับให้อดข้าว รวมทั้ง เสพยา เหตุเพราะว่า เชื่อคนในเฟซบุ๊ก

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 ในรายการ “เปิดปากกับภาคภูมิ” ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32

ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้กล่าวถึง กรณี 3 สาวไทย เปิดเผยชีวิตในขุมนรก ถูกหลอก-บังคับ-ทรมาน ค้ากาม

ที่เมืองล็อกกิ่ง ในเขตปกครองพิเศษของว้าแดง ประเทศเมียนมา เหตุเพราะว่า เชื่อคนในเฟซบุ๊ก ชักชวนไปทำงาน

นางสาวบี ผู้เสียหาย อายุ 29 ปี เหยื่อ ค้ากาม เล่าว่า

มีผู้หญิงชื่อน้ำ ซึ่งเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊ก ทักแชตมาหา ชักชวนไปทำงานที่พม่า ในตอนแรก ไม่บอกว่างานอะไร บอกเพียงว่ากลับมาไทยแล้ว

ภายหลังไปทำมา 3 เดือน ตัวเองจึงถามว่า ได้กี่บาท น้ำพูดว่า กลับมาได้ 7 แสนบาท ขณะนั้น

รู้สึกเพียงว่าได้มาก ทำไมถึงรีบกลับมา น้ำบอกเพียงกลับมาบวช รวมทั้ง มาซื้อบ้าน

ในเวลาที่ นางสาวเอ อายุ 29 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนกับบี เปิดเผยว่า เห็นว่าทำงานเมืองนอกได้เงินดี

และ ไม่ใช่เงินพม่า เป็นเงินหยวน จึงตัดสินใจไปทำงานกัน ทั้ง 3 คน ถัดมาในวันที่ 21 ก.ย. น้ำขับขี่รถมารับทั้ง 3 คน ที่หอใน จังหวัดชลบุรี ก่อนส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ มาลงเครื่องเชียงใหม่ รวมทั้ง จะต้องนอนรอที่โรงแรมเชียงใหม่อีก 1 คืน

รวมทั้ง วันถัดมา ช่วงตี 5 มีรถกระบะคันสีขาวมารับจากโรงแรม ซึ่งเป็นรถกระบะขนแตงโม พาลงไปที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งแถวชายแดน

หลังจากนั้น ชาวบ้านก็ไล่ลงรถ บอกว่า มีทหารมาตรวจ จำเป็นที่จะต้อง

ใช้การเดินเลาะตีนเขาไป ขณะนั้น เริ่มรู้สึกแปลกใจ ต้องการจะชักชวนกันกลับ เหตุเพราะว่า เห็นระยะทาง และ ไม่โอเค แต่ว่าไม่สามารถที่จะกลับได้

ด้วยเหตุว่า ซิมใช้ไม่ได้ ติดต่อใครไม่ได้เลย ตอนนั้น

มีกันอยู่เพียงแค่ 3 คน ใช้เวลาเดินทาง 5 คืน 6 วัน รวมทั้ง ต้องมีการเปลี่ยนรถที่ใช้เดินทางไปเรื่อยๆ คล้ายการขนแรงงานต่างด้าว จำต้องแฝงตัวคละไปกับพวกพม่า จนถึงไปถึงเมืองล็อกกิ่ง

คุณปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็ก รวมทั้ง สตรี เปิดเผย ถึงเหยื่อ ค้ากาม ว่า

พื้นที่ดังที่กล่าวถึงมาแล้ว เป็นเขตปกครองพิเศษ ไม่มีใครติดต่อได้ แม้จะอยู่ในประเทศเมียนมา แต่ว่าอยู่ในตะเข็บชายแดนที่ใกล้กับจีน

คนที่เข้าไปเที่ยวเป็นคนจีนทั้งหมด มีทุกสิ่งทุกอย่างครบวงจร อีกทั้งกาสิโน ธุรกิจสีเทาอยู่ที่นั่นหมด แต่ว่าไม่มีทางติดต่อกับไทยได้เลย ไม่มีถนน มีแต่ทางลูกรัง จากไทยเข้าเมียนมา จะต้องลักลอบเข้าไปเพียงแค่นั้น เป็นเศรษฐกิจพิเศษเฉพาะคนจีน

นางสาวเอ เล่าต่อว่า หลังจากลงรถที่โรงแรม มีผู้หญิงที่พูดภาษาไทยได้ เรียกตัวเองว่า เจ๊ พาขึ้นไปที่โรงแรม จากนั้น ให้เพื่อนทั้งสองคน คือ บี รวมทั้ง ซี ไปอาบน้ำแต่งตัว พร้อมกับกล่าวว่า จะให้คนมาดูตัว ตอนนั้น ตนเองตกใจมาก เหตุเพราะว่า น้ำเคยบอกไว้ว่า จะให้ทำงานเคทีวี เป็นการทำงานในร้านคาราโอเกะ เจ๊คนดัง กล่าวมานั่งคุยกับตน ถามว่า น้ำบอกไหมค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทางเท่าไร

ตนจึงโชว์รายละเอียดแชตที่คุยกับน้ำให้ดู หลังจากนั้น เจ๊อธิบายว่า ควรจะมีการเซ็นสัญญา 3 เดือน รวมทั้ง ต้องมีค่าใช้จ่ายจากการหาร้านลงทำงานให้ รวมทั้ง จะต้องเสียค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทางอีก 90,000 บาท

ในขณะนั้น ตกใจมาก ไม่ทราบว่าค่าอะไร รวมทั้ง เริ่มสงสัยว่า งานที่ทำ ไม่ใช่คาราโอเกะอย่างแน่นอน แถมเจ๊ยังบอกอีกว่า ตัวเองไม่ตรงปก อ้วนเกินไป ไม่มีร้านลงให้ จะต้องแยกร้านทำงานกับเพื่อนอีก 2 คน รวมทั้ง ได้มารู้ที่หลังว่า น้ำได้เงินจากเจ๊ไป เป็น 140,000 บาท

เวลาที่ นางสาวซี กล่าวว่า ตัวเอง รวมทั้ง พี่สาว ถูกซื้อตัวไปเข้าสังกัดแห่งหนึ่ง ตอนนั้น ก็ไม่รู้เรื่อง เหตุเพราะว่า ฟังไม่รู้เรื่อง ได้ยินอีกที คือ ให้ไปทำงานที่ตึก ในตอนแรกๆ ก็ทำงานร้านคาราโอกะทั่วๆไป

แต่ว่าหลังๆก็ให้พวกตนขายบริการ แม้จะไม่ยินยอม ค้ากาม แต่ว่าเลือกไม่ได้

ด้วยเหตุว่า มีทหารยืนคุม ยืนขู่ทุกที่ ทำให้จะต้องยินยอมทุกๆอย่าง โทรศัพท์มือถือใช้งานได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ว่าก็ไม่ถูกยึด จึงทำตัวปกติทุกๆอย่าง

เวลาที่ เอ เล่าต่อว่า ตัวเอง จะต้องอยู่ที่โรงแรมคนเดียว หลังจากแยกกับเพื่อนทั้งสองคน เจ๊บอกจะหาร้านลงให้ แต่ว่าจะต้องรอ รวมทั้ง ถูกชักชวนขึ้นไปเล่นห้องข้างบนโรงแรม บอกให้ไปฝึกดูงาน พอขึ้นไป ถูกสั่งให้ดมยา แม้จะบอกว่า ดมไม่เป็น ก็ส่งน้ำอะไรไม่รู้ มาให้ตนดื่ม ตนจึงขอกลับลงมารอข้างล่าง รวมทั้ง อยู่รออยู่ในห้องนั้นอีก 4 วัน ถึงได้มีข้าวกล่อง มาส่งให้กิน

ขณะนั้น ตนไม่ไหวแล้ว จึงติดต่อกลับไปพบน้ำ ได้รับคำตอบว่า จะส่งให้ตัวเองไปพักอยู่กับบี รวมทั้ง ซี ที่ร้านคาราโอเกะ ก่อนบอกกับตนว่า บี รวมทั้ง ซี เป็นหนี้อีก 250,000 อีก 1 อาทิตย์ แยกตัวเองก็ได้ไปอยู่อีกร้านหนึ่ง ซึ่งจะต้องทำงานขายบริการโดยตรง รวมทั้ง ใช้ชีวิตอย่างนั้นเดือนกว่า จึงได้ตกลงคุยกันกับเพื่อนอีก 2 คนว่า อยู่ไม่ได้แล้ว ทรมาน หนักสุดเป็นไม่ให้กินข้าว บังคับให้ขายบริการ รวมทั้ง เสพยา

รวมทั้ง ได้ติดต่อขอความช่วยเหลือจากที่บ้านอย่างเอาจริงเอาจัง หลังจากได้คุยกับครอบครัวตลอด ตั้งแต่มาทำงาน แต่ว่าหลังจากคุยเสร็จ ก็ลบข้อมูลทิ้งทุกๆอย่าง ด้วยเหตุว่า กลัวจับได้ เหตุเพราะว่า ในตอนเซ็นสัญญา เคยถูกขู่ไว้ว่า จะทำร้าย หลังจากนั้น ครอบครัวก็เก็บรวบรวมข้อมูลไปขอความช่วยเหลือไปที่มูลนิธิปวีณา

คุณปวีณา หงสกุล เปิดเผยว่า

คุณพ่อของเหยื่อ ได้เดินทางมามูลนิธิ รวมทั้ง ติดต่อกรมการกงสุล กระทรวงต่างประเทศ ก่อนจะะส่งเรื่องไปสถานทูตไทย ในเมียนมา แต่ว่าด้วยเหตุว่า เป็นเขตปกครองพิเศษ เข้าไปยากมาก แม้กระทั้งทหารเมียนมาเอง ก็เข้าออกลำบาก จึงได้ติดต่อกับผู้การทหารม้าที่เชียงราย รวมทั้ง บินไปพบ รวมทั้ง ประชุมกัน เพื่อช่วยเหลือ หลังจากนั้น ก็ส่งหนังสือในนามมูลนิธิ เพื่อติดต่อขอความช่วยเหลือไปที่เมียนมา รวมทั้ง วิดีโอคอล ประชุมกันกับตัวแทนทหารเมียน มาตลอดระยะเวลา

ในระหว่างที่ ทั้งสามคนคอยการช่วยเหลือจากทหารเมียนมา ก็พากันหลบหนีออกมาจากสถานที่ทำงาน ไปซ่อนตัว ที่ห้องพักแห่งหนึ่ง น้ำได้ส่งข้อความมาต่อว่า รวมทั้ง ทวงเงิน ด้วยเหตุว่า เจ๊ได้ทักไปทวงเงินกับน้ำ รวมทั้ง กล่าวว่า พวกตนหลบหนีออกมาแล้ว

อีกทั้งยังขู่ว่า หากตามพบ จะส่งทหารมาทำร้าย หากพบตรงนี้ ก็จะกระทืบ แต่ว่าหากพบที่ไทย ก็จะกระทืบเหมือนกัน รวมทั้ง จะทำร้ายคนที่มาช่วยเหลือด้วย

ในตอนแรก ทั้งสามก็กลัว เหตุเพราะว่า ยังอยู่ในพื้นที่เมียนมา แต่ว่าตอนอยู่ไทย ไม่กังวล เหตุเพราะว่า ปลอดภัยแล้ว ในระหว่างคอยช่วยเหลือ ยืนยันว่า ทรมานมาก มาม่าห่อเดียวกินกัน 3 คนทุกคน แต่ว่า ท้ายที่สุดเจ้าหน้าที่ก็ประสานงานจนกระทั่งรับตัวได้

แต่ว่าในระหว่างนั้นก็จะต้องได้รับโทษ ด้วยเหตุว่า ลักลอบเข้าไปในพื้นที่ ติดคุก 3 อาทิตย์ ลักษณะคล้ายคุกขี้ไก่ เป็นคุกไม้มีแต่ฝุ่น พันด้วยลวดหนาม แต่ว่า ท้ายที่สุดก็กลับไทยได้อย่างปลอดภัย

ในส่วนของคดี นางสาวปวีณา หงสกุล เปิดเผยต่อว่า เรื่องตรงนี้ยังไม่จบ หลังจากนี้ จะต้องส่งให้หน่วยสอบสวนขยายผลการค้ามนุษย์ต่อไป รวมทั้ง เหลืออีก 2 คน กำลังเดินทางกลับมา ท้ายที่สุดผู้เสียหายทั้งสามฝากถึงคนที่กำลังมองหางานว่า มันไม่สวยงามเหมือนอย่างที่คิดไว้ หากจะไปก็ใช้สตินิดนึง แนะว่าอยู่ที่ไทยดีกว่า หากไปแล้วจะต้องอดข้าวอดน้ำ แน่นอนว่าอยู่ที่ไทยดีกว่า

อย่างไรก็ดี สามารถติดตามรายการ “เปิดปากกับภาคภูมิ” พร้อมกันได้ทุกวันจันทร์ ถึง วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 15.30 น. เป็นต้นไป ได้ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32.
—————————————–

‘ซนซอกกู’ เปิดเผยลุคตำรวจขาลุย เตรียมความพร้อมปฏิบัติภารกิจลับต่างแดน ใน ‘Big Bet’ ซีรีส์ใหม่จาก Disney+

อีกไม่นานเกินรอแล้ว ก็จะได้รับดูกับซีรีส์ใหม่จาก Disney+ เรื่อง Big Bet
ที่ไม่เพียงแต่พล็อตเรื่องเพียงแค่นั้นที่น่าสนใจ แต่ว่าซีรีส์เรื่องนี้ยังได้ขนทัพนักแสดงชั้นแนวหน้ามาไว้ล้นหลาม ไม่ว่าจะเป็น ชเวมินชิก ซนซอกกู อีดงฮวี รวมทั้ง ฮอซองแท
ซึ่งปัจจุบันทางด้านของ Disney+ ก็ได้เผยลุคตำรวจขาลุยของ ซนซอกกู หนึ่งในดารานำของซีรีส์เรื่องนี้ออกมาให้เหล่าแฟน ๆ ได้ตั้งตารอตั้งตาคอยกันแล้ว

Big Bet เป็นซีรีส์แนวแอ็กชั่น-ดราม่า

บอกเล่าเรื่องราวของ ชามูชิก (รับบทบาทโดย ชเวมินชิก) คนที่เคยผ่านขณะที่ลำบากมาก่อน โดยเหตุนั้นเขาก็เลยจะต้องคอยดิ้นรนรวมทั้งผลักดันให้ตนเองขึ้นไปสู่การเป็นเจ้าพ่อคาสิโนที่ยิ่งใหญ่ในฟิลิปปินส์ให้ได้
แต่ว่าเขาหารู้เลยไม่ว่าเขาต้องพบเจอกับชะตากรรมที่ทำให้ชีวิตถึงจุดต่ำที่สุด
เมื่อเขาตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยคดีการฆาตกรรม แต่ว่าหากแม้สิ่งที่ถาโถมเข้ามาจะขาดความกรุณาปรานีมากแค่ไหน เขาก็พร้อมที่จะสู้จนถึงที่สุด

ในซีรีส์เรื่องนี้ Son Seok-gu จะรับบทบาทเป็น โอซึงฮุน ตำรวจสายสืบที่ถูกส่งตัวไปทำหน้าที่ลับในประเทศฟิลิปปินส์
เขาทำงานเป็นอีกทั้งพนักงานสถานที่ทำงานธรรมดา ที่จะต้องคอยปรับพฤติกรรมให้เข้ากับสภาพแวดล้อม
ที่ไม่คุ้นเคยอยู่เสมอ รวมทั้งยังจะต้องคอยแสดงบทบาทหน้าที่เป็นตำรวจที่จะต้องขุดค้นความเป็นจริงของคดี
การฆาตกรรม ซึ่งจากภาพที่ถูกปล่อยออกมานั้น ก็ได้เผยให้เห็นถึงลุคขาลุยของเขาในมาดตำรวจสายสืบออกมาได้อย่างดีเยี่ยม
พร้อมด้วยลุคทรงเสน่ห์ในเสื้อแสนสบายที่ราวกับกำลังจดจ่อกับการสืบหาความเป็นจริงของคดีดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้ว

ไม่เพียงเท่านั้น บทบาทนี้กล่าวได้ว่านับเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง

เนื่องจากทางด้าน ผู้กำกับคังยุนซอง ได้เผยว่า
“ซนซอกกู มีบทบาทอย่างมากกับตัวละคร โอซึงฮุน เขาอีกทั้งเขียนบทพูดเองรวมทั้งยังเสนอไอเดียต่าง ๆ ด้วยตัวเอง
ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ ” พร้อมกับยังได้ยกย่องความกระตือรือร้นของ Son Seok-gu ที่มีต่อตัวละครรวมทั้ง
ผลงานซีรีส์เป็นอย่างมาก โดยเหตุนั้นเหล่าแฟน ๆ ก็เลยต่างตั้งความหวัง
รวมทั้งตั้งหน้าตั้งตารอว่าตัวละคร โอซึงฮุน ที่ทางเจ้าตัวได้มีส่วนสำหรับในการแต่งแต้มสีสันเอง จะถูกถ่ายทอดออกมาให้เห็นเช่นไร

ซีรีส์ Big Bet จะเป็นผลงานใหม่ของ ผู้กำกับคังยุนซอง เจ้าของรางวัล Best New Director จากเวที Baeksang Arts Awards ครั้งที่ 54 รวมทั้ง Chunsa Film Art Awards ครั้งที่ 23 ซึ่งจากความสามารถการกำกับยอดเยี่ยมที่มีรางวัลการันตี รวมทั้งจากผลงานก่อนหน้านี้ที่เคยกำกับภาพยนตร์เรื่อง The Outlaws ก็ได้สร้างความตรึงใจให้กับเหล่าผู้ชมเป็นอย่างมาก
ซึ่งในครั้งนี้นับเป็นความท้าทายครั้งใหม่ที่ ผู้กำกับคังยุนซอง จะหันมากำกับซีรีส์เป็นครั้งแรก ผลงานซีรีส์ Big Bet ก็เลยยิ่งเพิ่มความน่าสนใจมากขึ้นไปอีกระดับทันที
ซีรีส์ Big Bet จะออกอากาศตอนแรกในวันที่ 21 ธันวาคมที่จะถึงนี้ ทาง Disney+ Hotstar

เปิดเรื่องราว ‘ซนซอกกู’ นักแสดงผู้มาแรงอีกทั้งซีรีส์รวมทั้งภาพยนตร์ ที่มีพื้นหลังชีวิตที่เคยเป็นถึง CEO บริษัท

วินาทีนี้ ถ้ากางรายชื่อนักแสดงที่ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็จะต้องเห็นหน้า เห็นถึงผลงานที่ประสบผลสำเร็จของ คงจะหนีไม่พ้นกับ Son Seok-gu ดาราเจ้าเสน่ห์ที่กำลังกวาดรางวัล รับความโด่งดังกลับบ้านอย่างถล่มทลาย
อีกทั้งจากบทบาท ‘คุณกู‘ ชายหนุ่มลึกลับผู้เข้ามาเปลี่ยนชานเมืองแห่งความเงียบเหงา ในซีรีส์ดราม่าเรื่อง My Liberation Notes (2022) รวมทั้งจากบทวายร้ายสุดเท่อย่าง ‘คังแฮซัง‘ ในภาพยนตร์แนวแอคชั่นบู๊ระห่ำ The Roundup (2022) ซึ่งทำรายได้สูงสุดเป็นชั้น 1 ใน Box office นานกว่า 3 สัปดาห์ติดกัน

เรียกได้ว่านักแสดง Son Seok-gu อยู่ในช่วงขาขึ้นชนิดที่แม้แต่ลิฟต์ก็ไม่สามารถเอาลงได้ ทำให้เจ้าตัวขึ้นแท่นอันดับ 1 ของนักแสดงซีรีส์ประเทศเกาหลี
ยอดฮิต ประจำเดือนเดือนมิถุนายน 2022 อย่างแน่นอน รวมทั้งด้วยความมาแรงสุด ๆ อย่างฉุดไม่อยู่ อาจมีใครหลายคนต้องการทำความรู้จักดารานัยน์ตาเศร้าแต่กลับเป็นเจ้าของรอยยิ้มแสนอบอุ่นคนนี้แน่นอน

ผลงานซีรีส์ของ ซนซอกกู

Kidnapping Assemblyman Mr. Clean (SBS, 2016)
Sense8 ซีซั่น 2 (Netflix, 2017)
Mother (tvN, 2018)
Suits (KBS2, 2018)
Matrimonial Chaos (KBS2, 2018)
Designated Survivor: 60 Days (TVn, 2019)
Be Melodramatic (JTBC, 2019) – นักแสดงรับเชิญตอนที่ 10 และ 12-16
Jirisan (TVn, 2021) – นักแสดงรับเชิญตอนที่ 6
D.P. ซีซั่น 1 และ 2 (Netflix, 2021-2022)
My Liberation Notes (JTBC, 2022)
Casino (Disney+, 2022)

ผลงานภาพยนตร์ของ Son Seok-gu

Scarlet Innocence (2014)
Black Stone (2016)
Wedding (2017)
Hit-and-Run Squad (2019)
Nothing Serious (2021)
Unframed – Reboardcast (2021) – กำกับและเขียนบท
The Roundup (2022)
Virus (2022) – นักแสดงรับเชิญ
Dream (TBA)

ซนซอกกู (Son Suk-ku / 손석구) เกิดวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 1983 ที่ประเทศเกาหลี ต่อมาเมื่อเข้าสู่ช่วงมัธยมก็ได้ไปศึกษาต่อในประเทศแคนาดา ก่อนจะสำเร็จการศึกษาในระดับชั้นปริญญาตรี สาขา Visual Arts and Film ที่ School of the Art Institute of Chicago (SAIC) ประเทศสหรัฐอเมริกา

จากชายหนุ่มขี้อายผู้มีความฝันต้องการเป็นผู้กำกับสารคดี

ซนซอกกู เดินทางกลับมารับใช้กองทัพที่ประเทศเกาหลี รวมทั้งเป็นทหารอาสาสมัครในประเทศอิรัก เมื่อปลดประจำการ
เขาก็ได้เดินทางกลับประเทศแคนาดาเพื่อทุ่มเทให้กับการเป็นนักบาสมืออาชีพ รวมถึงใช้เวลาว่างสำหรับในการเรียนการแสดง แต่ว่าด้วยส่วนสูง 178 ซม. ทำให้เขาพบอุปสรรคใหญ่สำหรับในการก้าวเข้าทีมขึ้นเป็นนักบาสมืออาชีพ ซึ่งนั่นทำให้เขาจะต้องวางมือจากทางนี้ลง แต่ว่าถึงแม้ความฝันสำหรับในการเป็นนักบาสต้องจบลงอย่างโชคร้าย แต่ว่าทางเส้นใหม่ในฐานะนักแสดงก็ได้เริ่มขึ้นแทน

ก่อนจะเข้ามาสู่ทางสายการแสดงอย่างเต็มตัวนั้น

คนไม่ใช่น้อยอาจยังไม่ทราบว่า ความจริงแล้วSon Seok-gu เคยเป็นประธานบริษัท!
ด้วยเหตุว่าสาเหตุหลักที่เขาเดินทางกลับมายังประเทศเกาหลีนั้น ก็เพื่อรับช่วงต่อธุรกิจผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักรกลในตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดหรือ CEO
ภายใต้บริษัทที่มีชื่อว่า Daejeon Metropolitan City ที่ทำการส่งชิ้นส่วนอะไหล่ไปยัง 10 ประเทศทั่วทั้งโลก อีกทั้งในสหรัฐฯ แคนาดา รวมทั้งญี่ปุ่น ซึ่งบริษัทก็ทำยอดจำหน่ายได้สูงถึง 2.68 พันล้านวอนในปี 2021 รวมทั้ง Son Seok-gu ก็ได้รับผิดชอบสำหรับในการดูแลจัดการบริหารจนกว่าเขาเริ่มทางการแสดงนั่นเอง กล่าวได้ว่า เป็นชีวิตจริงที่สุดมากกว่าในซีรีส์เสียอีก

ตอนนี้ ซนซอกกู เป็นนักแสดงภายใต้สังกัด SBD Entertainment รวมทั้งสร้างผลงานคุณภาพคับจอมากมายตั้งแต่ก้าวเข้ามาในวงการ
ไม่ว่าจะเป็นผลงานสายซีรีส์หรือภาพยนตร์ ตลอดจนสืบต่อความฝันสำหรับในการทำงานเบื้องหลัง อีกทั้งเขียนบทรวมทั้งกำกับ

Son Seok-gu เริ่มทางสายการแสดงเมื่อปี 2014 จากบทบาทเล็ก ๆ ในภาพยนตร์เรื่อง Scarlet Innocence (2014) รวมทั้งซีรีส์พิเศษจำนวน 2 ตอนเรื่อง Kidnapping Assemblyman Mr. Clean (2016) ก่อนจะแสดงตัวในภาพยนตร์ Black Stone (2016) ที่เกิดขึ้นมาจากการร่วมแรงกันของเกาหลีใต้รวมทั้งประเทศฝรั่งเศส รวมถึงภาพยนตร์สั้นเรื่อง Wedding (2017) จนกระทั่งเริ่มเป็นที่รู้จักจากบท ‘สายสืบมุน‘ ในออริจินัลซีรีส์ของ Netflix เรื่อง Sense8 ซีซั่น 2 (2018) ที่นับได้ว่าเป็นหนึ่งในก้าวที่สำคัญในชีวิตการเป็นนักแสดงของซนซอกกูเลยก็ว่าได้

ในปี 2018 Son Seok-gu ได้เริ่มประเดิมผลงานซีรีส์ประเทศเกาหลีเป็นครั้งแรก
ในซีรีส์น้ำดีตีแผ่ปัญหาด้านสังคมเรื่อง Mother (2018)
ซึ่งรีเมคมาจากละครญี่ปุ่นในชื่อเดียวกัน โดยบทบาทที่เขาได้รับคือ ‘ซอลอัก‘ แฟนชายหนุ่มของ ‘จายอง‘ แม่ที่แท้จริงของ ‘ฮเยนา‘ เด็กน้อยน่าสงสารที่ถูกครอบครัวรังควาน ซีรีส์เรื่องนี้ก็ประสบผลสำเร็จจนได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลในเทศกาลซีรีส์นานาชาติเมืองคานส์

หลังจากที่ชิมลางการแสดงซีรีส์อย่างเต็มตัวSon Seok-gu ก็ได้รับโอกาสที่ท้าทายความรู้ความเข้าใจเขาอีกเยอะแยะ
ตั้งแต่บทสมทบ ‘ทนายเดวิด คิม‘ ในซีรีส์แนวกฎหมายเรื่อง Suits (2018) ที่รีเมคมาจากซีรีส์ชื่อดังทางฝั่งอเมริกา จนกระทั่งไปถึงบทนำในซีรีส์ว่าด้วยความรักรวมทั้งการหย่าร้างเรื่อง Matrimonial Chaos (2018) โดยเขารับบทบาทเป็น ‘อีจางฮยอน‘ ชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์ผู้เป็นที่หมายปองของสาว ๆ

นอกเหนือจากนั้น ทางฝั่งภาพยนตร์เขาก็ยังได้รับบทอัยการ ‘กีแทโฮ‘ แฟนชายหนุ่มของ ‘หมวดอึนชียอน‘ ในภาพยนตร์แอคชั่น
ไล่จับผู้ร้ายสุดมันเรื่อง Hit-and-Run Squad (2019) ร่วมกับนักแสดงความสามารถอลังการอย่าง โจจองซอก กงฮโยจิน รวมทั้ง รยูจุนยอล

บทบาทที่มีความหลากหลายส่งผลให้ฝีมือการแสดงของ Son Seok-gu เฉิดฉายออกสู่สายตาของประชาชนมากมาย จนในที่สุด ปี 2019 เขาก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงในฐานะ นักแสดงชายหน้าใหม่ยอดเยี่ยม ในงานประกาศรางวัล KBS drama awards 2018 จากผลงาน Matrimonial Chaos (2018) และ Suits (2018) รวมถึงงานประกาศรางวัลสุดยิ่งใหญ่ 55th Baeksang Arts Awards ทั้งในสาขาซีรีส์จากผลงาน Matrimonial Chaos และสาขาภาพยนตร์จากผลงาน Hit-and-Run Squad (2019) นับเป็นเครื่องการันตีคุณภาพการแสดงที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

ความปังยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะในปี 2019 ซนซอกกู ได้เดินหน้าเข้ามายึดพื้นที่ในหัวใจผู้ชมอย่างต่อเนื่อง ใน Designated Survivor: 60 Day (2019) ซีรีส์การเมืองสุดเข้มข้นที่รีเมคจากซีรีส์ยอดนิยมสัญชาติอเมริกัน ว่าด้วยเรื่องราวของรัฐมนตรีปลายแถวที่ชีวิตพลิกผัน ต้องรักษาการในตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นเวลา 60 วัน ก่อนการเลือกตั้งครั้งใหม่ โดยในเรื่องนี้ ซนซอกกู รับบทเป็นเลขาชา ‘ชายองจิน‘ หัวหน้าเลขาธิการสุดฉลาดผู้มีความมุ่งมั่นในการสนับสนุนประธานาธิบดีพัคอย่างแรงกล้า ซึ่งเรื่องนี้เขาก็ได้ปล่อยพลังการแสดงและโชว์เสน่ห์ออกมาได้อย่างน่าประทับใจ จนทำให้ใครหลายคนจดจำเขาจากบทบาทนี้ได้เป็นอย่างดี

และในปีเดียวกันนี้ เขาก็ยังได้เป็นนักแสดงรับเชิญในซีรีส์โรแมนติกคอมเมดี้อารมณ์ดีเรื่อง Be Melodramatic (2019) ประกบคู่กับ จอนยอบิน อีกด้วย

เมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2021 ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งปีแห่งการเจิดจรัสของ ซนซอกกู

เลยก็ว่าได้ เพราะนักแสดงหนุ่มมากเสน่ห์ของเราได้พิสูจน์ฝีมือการแสดงที่สั่งสมมานาน ผ่านผลงานคุณภาพมากมาย ไม่ว่าจะในภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือแม้กระทั่งงานเบื้องหลัง

เริ่มต้นกันที่ภาพยนตร์เรื่อง Nothing Serious (2021) ภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้ เรื่องราวของหนุ่มเหงากับสาวโสด ‘อูรี‘ และ ‘จายอง‘ (รับบทโดย จอนจงซอ) ที่เบื่อหน่ายกับการต้องอยู่อย่างเหงาใจ แต่ก็หวาดกลัวความรักในเวลาเดียวกัน โดยความสัมพันธ์ของทั้งคู่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นจากแอปพลิเคชันหาคู่ สู่ผู้ที่คอยแบ่งปันทุกข์และสุขให้กันและกันในทุก ๆ วัน

ในเรื่องนี้เราจะได้เห็น ซนซอกกู ในบทบาท ‘อูรี‘ นักข่าวมือใหม่ที่ได้รับหน้าที่ในการเขียนคอลัมน์เรื่องเพศ ทั้งที่เจ้าตัวไม่เก่งเรื่องความสัมพันธ์รักโรแมนติกเลยสักนิด ผลงานเรื่องนี้ยังทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงในฐานะ นักแสดงชายหน้าใหม่ยอดเยี่ยม สาขาภาพยนตร์ จากงาน Director’s Cut Awards 2021 อีกด้วย

ทางฝั่งของซีรีส์นั้น แน่นอนว่าจะไม่พูดถึงคงจะไม่ได้ กับออริจินัลซีรีส์จาก Netflix เรื่อง D.P. (2021) เรื่องราวการไล่ล่าติดตามทหารหนีกองทัพ ที่หยิบยกความจริงในหน่วยงานทหารออกมาตีแผ่ได้อย่างดุเดือดเลือดพล่าน แต่ก็หดหู่สะเทือนใจ เต็มไปด้วยฉากชิงไหวชิงพริบและบู๊แอคชั่นบ้าบิ่นชนิดที่ผู้ชมต้องลุ้นจิกปลายเท้า ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ได้รับผลตอบรับที่ดีอย่างถล่มทลาย นำไปสู่การสร้างภาคต่อที่กำลังจะเข้าฉายในเร็ว ๆ นี้กับ D.P. ซีซั่น 2 (2022)

ในซีรีส์เรื่อง D.P. ทั้งสองภาคนี้ ซนซอกกู มาพร้อมกับชุดเครื่องแบบลายทหาร

ในบทบาท ‘ร้อยเอกอิมจีซอบ‘ ผู้บัญชาการสารวัตรทหารคนใหม่ของหน่วยงาน Deserter Pursuit หรือ D.P. นอกจากบทบาทสุดหนักหน่วงในซีรีส์ D.P. แล้ว Son Seok-gu ก็ยังปรากฏตัวในฐานะนักแสดงรับเชิญในซีรีส์ฟอร์มยักษ์แนวดราม่า-ลึกลับ-ระทึกขวัญแห่งปี เรื่อง Jirisan (2021) กับบท ‘อิมชอลกยอง‘ รักแรกของ ซออีคัง (รับบทโดย จอนจีฮยอน) นางเอกนักปีนเขาฝีมือดี ผู้เชี่ยวชาญทุกพื้นที่ในอุทยานแห่งชาติเขาจีรี

ไม่เพียงแต่งานเบื้องหน้าเท่านั้นที่ทำออกมาได้อย่างโดดเด่น เพราะงานเบื้องหลัง ซนซอกกู เองก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน ในผลงานภาพยนตร์สั้นชุด Unframed – Reboardcast (2021) ที่รวมผลงานการกำกับของนักแสดงมากฝีมือถึง 4 ท่าน 4 ตอน เข้าไว้ด้วยกัน ได้แก่ อีเจฮุน พัคจองมิน ซนซอกกู และ ชเวฮีซอ ซึ่งงานนี้เขาก็ได้ลงมือเขียนบทและกำกับเอง ในตอนที่มีชื่อว่า Rebroadcast หรือ Rerun ที่นำแสดงโดย อิมซองแจ และ บยอนจุงฮี เป็นแนว Slice of Life ถ่ายทอดเรื่องราวความผูกพันของคู่สองป้า-หลานระหว่างทางไปงานแต่งออกมาได้อย่างอบอุ่นหัวใจ
และในปี 2022 นี้ กราฟชีวิตของนักแสดง Son Seok-gu ก็ทะยานสูงขึ้นอีก และเรียกได้ว่าเป็นจุดสูงสุดเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าจะสายซีรีส์หรือสายภาพยนตร์ต่างก็ต้องเคยเห็นผลงานของเขาผ่านตาอย่างแน่นอน อย่างที่บอกได้เลยว่าประสบความสำเร็จจากทั้งจอเงินและจอแก้วพร้อมกันเลย ไม่ว่าจะเป็นจากบทบาท ‘คุณกู‘ ในซีรีส์เรื่อง My Liberation Notes (2022) หรือบท ‘คังแฮซัง‘ วายร้ายสุดโหดใน The Roundup (2022)

สำหรับซีรีส์เรื่อง My Liberation Notes นั้น เป็นเรื่องราวของสามพี่น้องที่อาศัยในซานโพ เมืองเล็ก ๆ ห่างไกลกรุงโซล ในแต่ละวัน พวกเขาต้องเหน็ดเหนื่อยกับการระเห็จระเหิน เดินทางไปกลับระหว่างในเมืองและบ้าน พวกเขาวาดฝันว่าสักวันจะสามารถหลีกหนีความยากลำบากนี้ไปได้ จนกระทั่งวันหนึ่ง คุณกู ชายหนุ่มลึกลับที่ไม่มีใครรู้จักตัวตนที่แท้จริง ย้ายเข้ามาใช้ชีวิตอย่างเงียบ ๆ ในเมืองอันแสนน่าเบื่อนี้ ในขณะที่ใครต่อใครต่างก็ต้องการจะย้ายออก และได้เปิดมุมมองใหม่ ๆ ให้กับพวกเขา

ในซีรีส์เรื่องนี้ ซนซอกกู รับบทเป็น ‘คุณกู‘ ชายปริศนาผู้ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไป ปรากฏตัวในเมืองแสนอ้างว้างอย่างน่าพิศวง ซึ่ง เขาก็ได้ถ่ายทอดบทหนุ่มพูดน้อย ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจากับใคร ดื่มเหล้าเมาสุราไปวัน ๆ นี้ได้อย่างเฉียบขาด เนื่องจากคุณกูเป็นตัวละครที่ใช้สายตาในการสนทนามากกว่าคำพูด การที่ ซนซอกกู ปลดปล่อยความเจ็บปวด ความรัก และห้วงอารมณ์ต่าง ๆ ออกมาสู่ผู้ชมได้อย่างอยู่หมัดนี้ จึงทำได้เขาได้รับคำชมมากมาย

ด้วยการเขียนที่ยกเรื่องราวชีวิตมาเล่าได้อย่างละเมียดละไม และการแสดงของนักแสดงที่เอาอยู่ในทุกฉาก จึงทำให้ My Liberation Notes ค่อย ๆ เติบโตในใจผู้คนอย่างมั่นคง จนทำให้เรตติ้งในโค้งสุดท้ายพุ่งขึ้นสูงจากตอนแรกที่เปิดตัวขึ้นถึง 2 เท่า อีกทั้งยังครองอันดับ 1 ซีรีส์ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในรอบสัปดาห์ เช่นเดียวกับความเท่และเสน่ห์หลากหลายมิติที่ส่งผลให้ ซนซอกกู กลายมาเป็นขวัญใจของใครหลาย ๆ คน จนกลายเป็นนักแสดงที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในเดือนมิถุนายน 2022

กระแสความนิยมของ ซนซอกกู ยังส่งต่อความแรงอย่างต่อเนื่องในภาพยนตร์เรื่อง The Roundup (2022) ภาคต่อของภาพยนตร์ The Outlaws (2017) ว่าด้วยเรื่องราวการไล่ล่าจับผู้ร้ายของตำรวจตัวพ่อ มาซอกโด (รับบทโดย มาดงซอก) ที่บู๊ระห่ำข้ามแดนเกาหลี – เวียดนาม โดยในภาพยนตร์เรื่องนี้ เราก็จะได้เห็นซนซอกกูรับบทเป็น ‘คังแฮซัง‘ วายร้ายไหวพริบดีที่มีดีกรีความโหดพุ่งกระฉูด แต่ในขณะเดียวกันก็เท่จนต้องหยุดหายใจในทุกฉากที่ปรากฏตัว เรียกได้ว่าหล่อเหลือร้าย จนไม่ว่าใครก็ต้องเผลอชื่นชมเสน่ห์ของตัวร้ายคนนี้อย่างแน่นอน

The Roundup เป็นภาพยนตร์แอคชั่นสุดมันส์ที่แอบแทรกความคอมเมดี้อย่างกลมกล่อมนี้ได้รับความสนใจ ดึงดูดผู้ชมจำนวนมหาศาล และกลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้ถล่มทลาย ครองอันดับ 1 ใน Box Office ยาวนานกว่า 3 สัปดาห์ และมียอดขายตั๋วทะลุ 10 ล้านใบในเวลาเพียง 20 กว่าวันเท่านั้น ซึ่งรวดเร็วกว่าสถิติเก่าที่ภาพยนตร์ Parasite ได้ทำไว้ในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 เสียอีก นับเป็นอีกหนึ่งความน่าตื่นเต้นของวงการภาพยนตร์เกาหลีในรอบ 3 ปีเลยทีเดียว

โดย The Roundup เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ไทยตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา และขอบอกเลยว่าความหล่อเท่อย่างร้ายกาจของ ซนซอกกู และการต่อสู้สุดดุเดือดของ มาดงซอก เป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาดเด็ดขาดด้วยประการทั้งปวงเลยค่ะ !

อดีตครีเอทีฟแฉ เคยถูก ‘ดารารุ่นใหญ่’ ตบหลังกลางห้าง หนุนผู้ถูกกระทำกล้าปกป้องตัวเอง

ดารารุ่นใหญ่ อดีตครีเอทีฟแฉ เคยถูก ‘นักแสดงรุ่นใหญ่’ ตบหลังกลางห้าง เผย ‘คนเดียวกันกับที่มีข่าว’ ต้านการใช้ ความรุนแรง ในที่สาธารณะ หนุนผู้ถูกกระทำกล้าปกป้องตัวเอง อย่าปล่อยผ่าน

ดารารุ่นใหญ่ ตบหน้า ดาราหนุ่มรุ่นน้อง ทนายตั้ม เผยเรื่องราว

จากกรณีที่ ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้เปิดเผยเรื่องราว “นักแสดงรุ่นใหญ่” พาลูกค้า ซึ่งเป็น “ดาราหนุ่มรุ่นน้อง” ไปเสริมหล่อ ที่เกาหลี ก่อนจะไม่พอใจที่ได้ชวนดารารุ่นน้อง ไปกินปูแต่รุ่นน้อง ไม่ยอมไป พร้อมกับ “ตบหน้า” ฉาดใหญ่กลางห้างดัง

ในเวลาต่อมา ม้า อรนภา ได้ให้สัมภาษณ์ถึงในกรณีดังกล่าวว่า อย่าใช้คำว่า “ตบ” ไม่มีอะไรจะพูด และไม่ใช่นักแสดงรุ่นใหญ่ เรื่องไม่ได้ใหญ่โตตามที่วิพากษ์กัน และได้ปรับความเข้าใจไปแล้ว

ดาราหนุ่มหน้าใหม่ เปิดใจในClubhouse

ภายหลังจากนั้น ดาราหนุ่ม หน้าใหม่ เปิดใจในClubhouse ได้เอ่ยถึงในประเด็นที่เกิดขึ้น สั้นๆ ว่า เครียดมาก ข่าวที่ออกไป มีทั้งจริงและไม่จริง ยืนยันว่าไม่มี เรื่องชู้สาวอย่างแน่นอน

อดีตครีเอทีฟ เปิดใจ เคยโดน ดารารุ่นใหญ่ ตบหลัง

กรณี คนในวงการบันเทิงไทยใช้ความรุนแรง กับ “คนใกล้ตัว” ยังไม่หมดเท่านี้ และล่าสุด ผู้ใช้เฟซบุ๊ก รายหนึ่ง ได้เผยถึงเหตุการณ์ฝังใจ ที่ผ่านมา 7-8 ปีแล้ว เมื่อครั้ง ทำงานเป็น “ครีเอทีฟ” ถูก “ดารารุ่นใหญ่” ตบไปที่หลังกลางห้าง

เจ้าของเฟซบุ๊กยืนยันว่า ขอสนับสนุน ให้คนกล้าที่จะปกป้องตัวเอง และต่อต้าน คนที่ใช้ ความรุนแรง ในที่สาธารณะ เพราะไม่อยากเห็นใครมีบาดแผลในชีวิตรู้สึกผิดแบบตน

เธอระบุว่า จะเล่าประสบการณ์โดนดาราตบกลางห้างให้ฟัง

ตอนนั้นทำงานเป็นครีเอทีฟ บ.อีเวนต์ บ.เราได้รับเลือกให้จัดงานอีเวนต์กลางห้างดังแถวๆ บางนาเพิ่งเปิดใหม่ได้ประมาณ 1-2 ปี บ.เราเชิญศิลปินรุ่นใหญ่ท่านนึงมางาน ทีมงานประชุมแบ่งงานกัน พี่บอกให้เราไปดูแลดาราท่านนึง “เขาเอาใจยากหน่อย ฝากด้วยนะแกทำได้อยู่แล้วหน้าที่นี่” ประชุมเสร็จมีคนมากระซิบบอกเราว่าจริงๆ ไม่มีใครอยากจะทำหน้าที่นี้

เช้าวันงาน เราไปเคลียร์ที่จอดรถห้างที่ดีที่สุด ติดประตูห้าง ติดทางเข้าไปห้องสแตนด์บายศิลปิน ตามธรรมเนียมก่อนงาน event เริ่ม เราต้องพาศิลปินเข้ามาที่ห้องสแตนด์บาย เพื่อเปลี่ยนชุด ทัชอัพ บรีฟคิวงานใดๆ เราได้ที่จอดเราตรงไหนก็โทรไปบอก ขอป้ายทะเบียน พอเขามาปุ๊บ เราก็จะพาเขาไปนั่งในห้องพักศิลปิน

แต่ว่าศิลปินนี้เขาปฏิเสธไปห้องสแตนด์บาย ขอไปหน้างานเลย ทั้งๆที่ยังไม่ถึงเวลางานเริ่ม อีกตั้ง 2 ชั่วโมง เราก็ขอปรึกษาทีม ทุกคนบอกให้พาเขามาได้ เราก็เดินนำเขาไปที่จัดงาน คือเราต้องเดินนำเขา เพราะเรารู้ว่างานจัดตรงไหน

ระหว่างเดินๆ จู่เหมือนมีอะไรมากระแทกหลังดัง พัวะ!!! แรงมาก ดังมาก และเจ็บมากๆ หันไปถึงได้รู้ว่าดาราคนนี้ใช้มือตบหลังเรา แกพูดเสียงดังมาก ทำไมถึงเดินไกลขนาดนี้ เดินไกลมาก คนหันมามองกันหมด แต่เราก็ตั้งสติพาเขาไปที่งาน ซื้อน้ำดื่มให้ที่สตาร์บัค ดูแลเขาจนจบงาน เพื่อนๆ ทีมงานก็ผลัดกันมาช่วยดูแล

แต่จำได้ว่าอายก็อาย เหนื่อยก็เหนื่อย ความรู้สึกก็เสีย ทุกคนบอกว่าเป็นเรื่องปกติ ตอนนั้นเราก็ได้แค่ปลอบตัวเอง พูดกับตัวเองว่าไม่เป็นไรนะ อย่าเก็บมานั่งคิดให้เสียเวลา คิดซะว่าจบงานนี้ไป เรายังมีหลายงานรออยู่

ทุกวันนี้ก็ผ่านมา 7-8 ปี ไม่ได้ทำงานประจำแล้ว ถึงแม้จะผันตัวจากครีเอทีฟเป็นยูทูบเบอร์แล้วก็ตาม แต่ว่าเรามีความรู้สึกผิดกับตัวเองว่าทำไมตอนนั้นเราถึงยอมให้คนอื่นมาทำร้ายร่างกายเราได้ง่ายๆ แบบนั้น และยิ่งเป็นที่สาธารณะด้วย ยิ่งไม่
ควรเลย

อยากจะบอกทุกคนที่โดนแบบนี้ให้กล้าพูด กล้าปกป้องตัวเอง ตัวเรา ร่างกายเรา เรามีสิทธิที่จะดูแล อย่าปล่อยให้ผ่านไปเฉยๆ ไม่งั้นมันจะมีความรู้สึกแย่กับตัวเองแบบที่เราเป็นนี่แหละ

เธอได้อ่านข่าว นักแสดงรุ่นใหญ่ ตบ ดารารุ่นน้อง

วันนี้อ่านข่าวที่ ดารารุ่นใหญ่ ตบ ดารารุ่นน้อง แล้วนึกถึงสิ่งที่ตัวเองเจอ แต่ต่างกันตรงที่ดารารุ่นร้องคนนี้มีความกล้าพูด กล้าที่จะบอกทนาย

แต่ว่าคนในสังคมไทยบางคนวิจารณ์ว่าดารารุ่นน้อง อยากดังบ้าง ทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่บ้าง มีความสัมพันธ์กับ นักแสดงรุ่นใหญ่ บ้าง บางคนก็เข้าข้างคนที่ทำร้ายร่างกายเขา ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ?

ส่วนตัวก็ขอติดตามข่าวต่อไป และขอสนับสนุนให้คนกล้าที่จะปกป้องตัวเอง และต่อต้านคนที่ใช้ความรุนแรงในที่สาธารณะ เพราะไม่อยากเห็นใครมีบาดแผลในชีวิตรู้สึกผิดแบบเรา ทุกคนมีความเห็นว่ายังไงบ้าง มีความเห็นต่างได้นะคะ รอฟัง รออ่าน และรอความคืบหน้าของข่าวนี้เช่นกัน

อย่างไรก็ดี ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้ตอบความเห็นคนอื่นที่แชร์เรื่องเธอไปว่า “คนเดียวกับที่มีข่าว”

‘พัคโบกอม’ ขึ้นแท่นดาราชายคนแรก ที่ได้รับเลือกเป็น Global Brand Ambassador ของ ‘CELINE’

นับเป็นอีกหนึ่งก้าวการบรรลุเป้าหมายที่น่าดีใจอย่างใหญ่โต
สำหรับดารามากความสามารถ พัคโบกอม ที่ปัจจุบันได้รับเลือกให้เป็น Global Brand Ambassador (โกลบอลแบรนด์แอมบาสเดอร์) ของ CELINE
แบรนด์หรูจากฝรั่งเศส ขึ้นแท่นกลายเป็นนักแสดงชายคนแรกที่ได้รับเลือกให้ดำรงหน้าที่นี้ทันที

ตอนวันที่ 24 พ.ย. ทางด้านของนิตยสาร W Korea พัคโบกอม

ได้ประกาศยืนยันว่า พัคโบกอม ได้รับเลือกให้เป็นโกลบอลแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ CELINE พร้อมด้วยยังได้ปล่อยภาพคอลเลกชันใหม่
“22 Collection Celine Boy Doll” ของ พัคโบกอม ที่ถูกถ่ายไว้ที่งาน Celine Paris Fashion Week ออกมาอีกด้วย

ถ้าหากย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นเมื่อช่วงมิถานายนก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา พัคโบกอม ได้รับเชิญจากแบรนด์หรู CELINE
ให้ร่วมดูแฟชั่นโชว์ “Summer 2023 Fashion Show” ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งการปรากฏตัวของ พัคโบกอม ในคราวนั้น
ได้สร้างเสียงฮือฮาและก็ความสนใจไปทั่วทั้งโลก ฉะนั้นการที่
พัคโบกอม ได้รับเลือกให้เป็นโกลบอลแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ CELINE ในครั้งนี้ จึงน่าจับตามองอย่างใหญ่โตว่าเขาจะโชว์เสน่ห์และก็ภาพลักษณ์แบบไหนต่อจากนี้
แฟนคลับมารอติดตามและก็ร่วมให้กำลังใจ พัคโบกอม สำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับ Celine
นับต่อจากนี้เป็นต้นไปพร้อม

ส่อง 7 ผลงานของ พัคโบกอม Park Bogum หนุ่มหล่อสุดฮอตเจ้าของฉายา แฟนหนุ่มแห่งชาติ

พัคโบกอม หนุ่มหล่อหน้าใส เจ้าของรอยยิ้มน่ารักน่าเอ็นดูจริงใจ เป็นหนุ่มที่ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า สูง 182 ซม.
มีนิสัยสุภาพ เรียบร้อย และก็มีสัมมาคาราวะ จึงได้รับความรักจากแฟนคลับทุกเพศทุกวัย เหล่าแม่ ๆ ต่างยกให้เป็นลูกเขยแห่งชาติ
ไม่เพียงแค่นั้นเขายังได้รับฉายา สมบัติแห่งชาติ น้องชายแห่งชาติ แฟนหนุ่มแห่งชาติ และก็เจ้าชายองค์รัชทายาทแห่งชาติ
โอ้ว! ยอดเยี่ยมซุปตาร์แห่งชาติ จริง ๆ เรียนเก่ง จบการศึกษาด้านละครเวทีจากมหาวิทยาลัยมยองกีที่โซล ภายในสี่ปี และก็ศึกษาปริญญาโทด้าน Media Music ที่ Sangmyung University Graduate School ในวัยเด็กเคยเรียนเปียโนและก็เป็นนักร้องประสานเสียง เคยเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ และก็ชอบกีฬาแบดมินตัน+เทนนิส

พัคโบกอมเป็นนักแสดง นักร้อง และก็นักดนตรี สังกัดค่าย Bloosom Entertainment
ค่ายเดียวกับซงจุงกิ,ชาแทฮยอน,จองโซมิน และก็ อิมจูฮวาน

มีความรู้และความเข้าใจทางการแสดงที่ได้รับการยอมรับ ในปี 2016
เป็นนักแสดงอายุน้อยที่สุดที่ได้รางวัล Actor of the Year นักแสดงแห่งปีจาก Gallup Korea ปัจจุบันเพิ่งเสร็จสิ้นภาระกิจรับใช้ชาติ (สิงหาคม 2020 – เมษายน 2022)
เดบิวต์มีผลงานการแสดงหนแรกในภาพยนตร์เรื่อง Blind (2011) แล้วมีผลงานต่อเนื่อง เป็นนักแสดงมากความสามารถที่ตีทุกบทบาทแตกกระจุย วันนี้จะพาไปส่อง 7 ผลงานของพัคโบกอม มีเรื่องมีราวอะไรบ้าง เชิญไปติดตามกันเลยค่ะ

1. Seo Bok ซอบก (2021)
ภาพยนตร์ซอบก Seo Bok (2021) บอกเล่าเรื่องราวของซอบก (พัคโบกอม) ตัวทดลองที่เกิดจากการดัดแปลงพันธุกรรมมีชีวิตเป็นอมตะ มีคลื่นสมองรุนแรงกว่าคนทั่วไปจึงสามารถควบคุมแรงดันอากาศรอบ ๆ ตัว (ว่ากันซื่อ ๆ มีพลังวิเศษจ้า ไม่ต้องขยับก็ปัดกระสุนได้) ศูนย์ซออินศูนย์ที่ทำการทดลองเกี่ยวกับซอบก

ต้องการที่จะปลูกถ่ายไขกระดูกจากซอบกเพื่อรักษาชีวิตมนุษย์ พวกเขาเลือกอดีตเจ้าหน้าที่สายลับ มินกีฮอน (กงยู) ที่กำลังป่วยเป็นเนื้องอกในสมองเป็นตัวทดลองในการรักษา ระหว่างทำการเคลื่อนย้ายซอบก เกิดเหตุไม่คาดฝัน เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ซอบกจะสามารถช่วยชีวิตมินกีฮอนได้หรือไม่ต้องไปติดตาม เป็นซีรีส์แนวไซไฟ ลึกลับ พ่วงด้วยแอ็คชั่นแบบบู๊มันส์หยด

แต่ซีนแอ็คชั่นมีปานกลาง ไม่ได้แน่นทั้งเรื่อง มีซีนพูดคุยระหว่างกอมมี่กับกงยูเยอะกว่า แต่โดยรวมเนื้อเรื่องแปลกใหม่ สนุก น่าติดตาม

โปรดักชั่น กราฟฟิก CG ดีงาม ทัดเทียมฮอลลีวู้ด รับชม Seobok ซอบกได้ทาง Disney+ หนังยาว 1 ชั่วโมง 55 นาที มีทั้งซับไทยและพากย์ไทย ใครเป็นแฟนคลับโอปป้ากงยู และ พัคโบกอมไม่พลาดกันนะจ๊ะ

คาแรกเตอร์ซอบก เป็นเด็กหนุ่มพิเศษ เงียบ ๆ ชอบเก็บตัว พูดน้อย ยิ้มยาก หลายคนที่เป็นแฟน Stranger Things อาจจะรู้สึกว่าคาแรกเตอร์ซอบกกับแอล (อีเลฟเว่น) มีความใกล้เคียงกัน เพราะนอกจากทรงผมและชุดที่คล้ายกันแล้ว ยังมีพลังพิเศษเหมือนกันใช้พลังจิตควบคุมสิ่งของได้ หลังจากใช้พลังเลือดจะออกมาทางหู (ซอบก) และ ทางจมูก (อีเลฟเว่น) หนุ่มพัคโบกอมกับบทนิ่ง ๆ พูดน้อย ดูไปก็ให้ความรู้สึกคล้าย ๆ บทแทคในซีรีส์ Reply 1988 และพัคโบกอมก็แสดงดีอย่างไม่ต้องสงสัย จนสามารถคว้ารางวัลนักแสดงหน้าใหม่แห่งปีจากเวที 41st Golden Cinematography Award มาครอง

2. Record of Youth เส้นทางดวงดาว (2020)

ซีรีส์ Record of Youth เส้นทางดวงดาว (2020) จากค่าย tvNบอกเล่าเรื่องราวของ ซาฮเยจุน (พัคโบกอม) และ วอนแฮฮโย (บยอนอูซอก) เพื่อนสองคนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก

มีฐานะครอบครัวที่ต่างกัน คนหนึ่งมีกินมีใช้สุขสบายไม่ต้องดิ้นรน คนหนึ่งต้องสู้ชีวิตสุดกำลัง แต่ทั้งสองเลือกเดินบนเส้นทางเดียวกันคือการเป็นนายแบบ และทำตามความฝันสู่การเป็นนักแสดง ทั้งสองได้พบเจอกับ อันจองฮา (พัคโซดัม) Make Up Artist ฝีมือดีที่เลือกกำหนดชีวิตของตัวเอง เรื่องราวความสัมพันธ์ของทั้งสามคนจะเป็นอย่างไรต้องไปติดตาม
ซีรีส์ Record of Youth เส้นทางดวงดาว (2020) เป็นซีรีส์ดราม่า โรแมนซ์ วิ่งตามความฝันวัยเยาว์ คาแรกเตอร์ซาฮเยจุน เป็นนายแบบหน้าหล่อ

ที่ความหล่อเป็นอุปสรรคเพราะบ่อยครั้งทำให้ชวดงาน แต่ด้วยความพยายามทำให้เขาพัฒนาต่อเนื่อง จนก้าวไปสู่ความสำเร็จ หนุ่มโบกอมเหมาะกับบทนายแบบ หล่อ เท่มากแม่

แต่การดำเนินเรื่องเนื่อย ๆ ลุ้นเหนื่อยกับการดิ้นรนในเส้นทางอาชีพ ใครอยากเห็นโบกอมในบทบาทนายแบบ สามารถรับชม Record of Youth ได้ทาง Netflix มี 16 ตอนตอนละ 75 นาที

3. Encounter หัวใจพบรัก (2018)

ซีรีส์ Encounter หัวใจพบรัก (2018) จากค่าย tvN บอกเล่าเรื่องราวของ ชาซูฮยอน (ซองเฮเคียว/ซงฮเยคโย) แม่ม่ายสาวสวยเจ้าของโรงแรม

ที่ระหว่างทริปเดินทางไปดูงานที่คิวบา เธอได้พบกับคิมจินฮยอก (พัคโบกอม) หนุ่มหล่อนักท่องเที่ยวสุดเซอร์ ที่เพิ่งเรียนจบมาด ๆ ระหว่างรอเข้าทำงาน

เขาจึงเดินทางท่องเที่ยว การได้พบกัน ทำให้เข้าได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือซูฮยอนอยู่หลายครั้ง จนก่อเกิดเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำซึ่งกันและกัน และเมื่อทั้งคู่กลับมาเกาหลี บุพเพก็อาละวาดต่อ เมื่อโรงแรมที่รับจินฮยอกเข้าทำงานนั้น มีซูฮยอนเป็นเจ้าของ เรื่องราวความรักของคนสองคนที่ต่างกันทั้งอายุและฐานะจะเป็นอย่างไร ต้องไปติดตาม
ซีรีส์ Encounter หัวใจพบรัก (2018) เป็นแนวเมโลดราม่า โรแมนซ์รักต่างวัย ที่หนุ่มโบกอมไว้ผมยาวในอีพีแรก หล่อเท่อีกแล้วจ้า

ตอนผมสั้นก็น่ารัก ดูอบอุ่น คลั่งรัก แสดงคู่กับซองเฮเคียว ถึงอายุห่างกัน 13 ปี แต่เคมีเข้ากันหวานละมุน ดูแล้วลุ้นไปกับความรักของทั้งคู่ ใครชอบแนวรักต่างวัย และทนกับการดำเนินเรื่องเอื่อย ๆ เรื่อย ๆ ได้ ก็ลองรับชม Encounter หัวใจพบรัก ได้ทาง Netflix และ Viu มี 16 ตอน ตอนละ 70 นาที แบบซับไทย

4. Love in the Moonlight สื่อรักผ่านแสงจันทร์ (2016)

ซีรีส์ Love in the Moonlight สื่อรักผ่านแสงจันทร์ (2016) จากค่าย KBS บอกเล่าเรื่องราวของ ฮงราอน (คิมยูจอง) หญิงสาวที่แต่งตัวเป็นชายและใช้ชื่อ ฮงซัมนม ทำอาชีพเขียนจดหมายจีบสาว จับพลัดจับผลูได้มาเป็นขันที ทำให้ได้ใกล้ชิดกับ อียอง (พัคโบกอม) องค์รัชทายาทผู้ซึ่งตอนแรกไม่ถูกกัน แต่เขาไม่เคยรู้เลยว่าเธอคือหญิงสาว เรื่องราวความรักของขันทีสาวกับองค์รัชทายาทจะเป็นอย่างไรต้องไปติดตาม
ซีรีส์ Love in the Moonlight สื่อรักผ่านแสงจันทร์ (2016) เป็นซีรีส์ย้อนยุค แนวโรแมนติกดราม่า ชิงไหวชิงพริบแย่งชิงอำนาจ ที่พระเอกฉลาด แต่ต้องแบกรับความกดดัน สอดแทรกด้วยความโรแมนซ์ของพระนางที่หวานมาก ดูแล้วหลงรักองค์รัชทายาทกันทั่วบ้านทั่วเมือง ยิ่งไปกว่านั้นพระรอง คิมยุนซอง ที่รับบทโดยจินยอง B1A4 ก็ทำสาว ๆ ใจหวั่นไหวไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กับความหล่อคลั่งรัก พร้อมยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อนางเอก เฮ้อ! ฟินทั้งพระเอกพระรอง ใครชอบแนวย้อนยุค และชอบดูผู้ ไม่พลาดเรื่องนี้จ้า คุ้มจุใจ รับชมได้ทาง TrueID (พากย์ไทย), Viu, Netflix , iQiyi และ WeTV แบบซับไทย มี 18 ตอนตอนละ 60นาที

5. Reply 1988 (2015)

ซีรีส์ Reply 1988 (2015) จากค่าย tvN บอกเล่าเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนรัก 5 คนที่เติบโตมาด้วยกันในปี 1988 ในละแวกซังมุนดง ที่มีจองฮวัน (รยูจุนยอล) เด็กที่มาจากครอบครัวฐานะดีรักครอบครัวมาก, ซอนอู (โกคยองพโย) นักเรียนหัวดีแสนสุภาพเรียบร้อยใฝ่ฝันอยากเป็นหมอ, ดงรยง (อีดงฮวี) หนุ่มรักสนุกเต็มเปี่ยมไปด้วยเสียงหัวเราะ ลูกชายครูใหญ่จอมเฮี้ยบ , แทค (พัคโบกอม) นักเล่นหมากล้อมมืออาชีพ สมบัติของชุมชนและประเทศชาติ และด็อกซอน (ฮเยริ) เด็กสาวคนเดียวในกลุ่ม ซีรีส์เล่าความสัมพันธ์ ครอบครัว ในชุมชนซังมุนดงได้สมจริง อบอุ่นหัวใจ ทำให้เราหวนนึกถึงเรื่องราวในวันวานสมกับชื่อเรื่อง Reply 1988 เรื่องนี้พัคโบกอม รับบทเป็นอัจฉริยะ เด็กเนิร์ด นักเล่นหมากล้อม พูดเพราะ พูดน้อย วัน ๆ หมกมุ่นอยู่แต่กับเกมหมากล้อม แต่พอถึงวัยที่ชอบผู้หญิงก็มีความชัดเจน เป็นตัวละครที่ค่อย ๆ เติบโตมีบทบาทเพิ่มขึ้นตามจำนวนอีพีที่เพิ่มขึ้น ดูเรื่องนี้รับรองตกหลุมรักพัคโบกอมแน่นอนแสดงดี น่ารัก โดยเฉพาะซีนโรแมนติกกับฮเยริ ฟินจิกหมอน ฝีมือการแสดงของพัคโบกอมใน Reply 1988 การันตีด้วยรางวัลต่าง ๆ มากมายจากหลายเวที หนึ่งในนั้นคือรางวัล Best Kiss Award ด้วยนะ
ซีรีส์ Reply 1988 เป็นแนวย้อนวันวานชีวิตวัยเยาว์ โรแมนติกคอมเมดี้ มิตรภาพเพื่อนที่เติบโตมาด้วยกัน เป็นซีรีส์ที่สนุกสุดแสนประทับใจ แต่ยาวมีถึง 20 ตอนตอนละชั่วโมงครึ่งแหนะ สามตอนแรกดูแล้วอาจจะจับต้นชนปลายไม่ถูก จนต้องถามตัวเองว่ามันดีจริงเหรอ ทำไมทุกคนบอกว่าดี แต่ถ้าผ่าน 3 อีพีแรกไปได้ ติดหนึบไม่ได้หลับได้นอน มิตรภาพระหว่างเพื่อน ๆ และครอบครัวชุมชนซังมุนดง อบอุ่น อิ่มเอมหัวใจ นักแสดงคับคั่ง เคมีพระเอกนางเอก พระรองนางเอก ดีงามพระรามแปด ใครเป็นแฟนซีรีส์เกาหลี เรื่องนี้ต้องกาลิสต์ไว้เลยว่าห้ามพลาด

6. Hello, Monster หรือ Remember You (2015)

ซีรีส์ Hello, Monster หรือ Remember You (2015) จากค่าย KBS บอกเล่าเรื่องราวของอีฮยอน (ซออินกุก) อัจฉริยะด้านการไขคดี ลูกชายของตำรวจนักสืบ ที่ถูกฆาตกรต่อเนื่องพรากชีวิตไป ในวันที่พ่อตายน้องชาย มิน ก็มาหายตัวไป เหตุการณ์เลวร้ายในวัยเด็กทำให้อีฮยอนสูญเสียความทรงจำบางส่วนไป เมื่อมีโอกาสได้เข้าไปช่วยนักสืบหญิงคนเก่ง ชาจีอัน (จางนารา) ไขคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง ทำให้เขาได้เจอกับทนายสุดเก่ง จองซอนโฮ (พัคโบกอม) ทนายลึกลับที่มีอดีตเกี่ยวข้องกับเขา เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ใครคือฆาตกรต่อเนื่อง ซอนโฮกับอีฮยอนจะเกี่ยวข้องกันอย่างไร ต้องไปติดตามกันต่อ
ซีรีส์ Hello, Monster หรือ Remember You (2015) เป็นแนวระทึกขวัญ สืบสวนตามหาความจริง ที่สนุกน่าติดตาม พัคโบกอมในบทน้องชายโรคจิต แสดงดีเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาผู้ชม สามารถสื่อสารอารมณ์ความเคียดแค้นผ่านทางสายตาได้ดีจนต้องยกนิ้ว ซีนร้องไห้ น้ำตาไหลเหมือนสั่งได้ เรื่องนี้สร้างชื่อเสียงเรื่องฝีมือการแสดงของเขาเพียงชั่วข้ามคืน การันตีด้วยรางวัล นักแสดงสมทบยอดเยี่ยมจากเวที KBS Drama Awards (2015) สามารถรับชม Hello Monster ได้ทาง Viu มี 16 ตอนตอนละ 70 นาที มีพากย์ไทย เรื่องนี้เคยถูกนำมารีเมกเป็นเวอร์ชั่นไทยที่ได้หนุ่มเพชร เผ่าเพชร, เต ตะวัน และเบลล์ เขมิศรา นำแสดง

7. A Hard Day แผนล่าคนลวง (2014)

เรื่องสุดท้ายที่จะชวนไปดูนี้ ถึงจะมาเป็นนักแสดงสมทบ แต่ออร่า ความเป็นซุปตาร์โดดเด่นมาแต่ไกล แสดงดีด้วย นั่นก็คือเรื่อง A Hard Day แผนล่าคนลวง (2014) บอกเล่าเรื่องราวของ โกกอนซู (อีซอนกยุน) ตำรวจคอรัปชั่นที่กำลังไปงานศพแม่และระหว่างทางขับรถชนคนไร้บ้านเสียชีวิต ต่อมามีคนถ่ายคลิปได้และนำมาแบล็กเมล์ ด้วยความกลัวจะถูกจับได้ โกกอนซูพร้อมยอมทำทุกอย่างเพื่อหนีความผิด
A Hard Day แผนล่าคนลวง ภาพยนตร์แนวลึกลับสอบสวน ระทึกขวัญ เนื้อเรื่องสนุก น่าติดตาม เดาทางไม่ได้ ดำเนินเรื่องดีมาก สอดแทรกด้วยซีนแอ็คชั่นบู๊ระทึกใจ ประสบความสำเร็จได้รับความนิยมจนถูกนำมารีเมกถึง 3 ครั้ง ประเทศจีน Peace Breaker (2017) ฟิลิปปินส์ A Hard Day (2021) และ ฝรั่งเศส Restless (2022) เรื่องนี้หนุ่มโบกอมรับบทเป็นตำรวจ ที่รับผิดชอบการดูกล้องวงจรปิด โผล่มาสั้น ๆ แต่โบกอมชุดตำรวจเต็มยศ หล่อเท่เกินต้านจ้า การแสดงก็ดี ดูสมบทบาทตำรวจ

พ่อค้าขายเป็ดย่างร้อง ถูกอดีตเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ บุกใช้ปืนยิงขู่กลางเมือง

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 23 พ.ย. 2565 ในรายการ “เปิดปากกับภาคภูมิ” ทางไทยรัฐ ทีวีช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้คุยกับ อดุลย์ วีรวัฒนา ในกรณี อดีตพัศดีเมาชักปืนขู่ พ่อค้า เป็ดย่าง กลางเมืองอุดรฯ

อดุลย์ วีรวัฒนา พ่อค้า ขายเป็ด ผู้เสียหาย เล่าว่า

วันที่ 16 เดือนพฤศจิกายน 65 รถปิคอัพของตัวเองถูกชนด้านหลัง ขณะจอดซื้อของที่ร้านค้าสะดวกซื้อ ซึ่งรถตนมีกล้องรอบคัน และ สัญญาณเตือนถูกต้อง

แต่ว่าตอนออกมาที่ถนน ได้ยินเสียงชนก็งงสักระยะ ด้วยเหตุว่า ตอนถอยก็มองกล้องแล้ว ไม่มีสัญญาณเตือนอะไร พบว่า ชนกับรถพ่วงข้างขายลูกชิ้นทอด มองเห็นเขาคร่อมรถจักรยานยนต์อยู่ และ บอกว่า ไม่ผิด ตนเลยบอกว่า อาจจะให้ตำรวจช่วยตัดสิน ด้วยเหตุว่า ก็มั่นใจว่า มองสัญญาณเตือนถูกต้อง

ในตอนแรก เขาบอกขอโทษไม่มีเงินจ่าย เป็นแค่คนขายลูกชิ้น และ ทำท่าจะขับรถหนีอย่างเดียว ไม่จ่ายด้วย ตนเองจึงจับแฮนด์รถจักรยานยนต์ไว้ ท้ายที่สุด เขาจึงยอมไปที่โรงพัก นัดกันพบกันตอน 12.00 น. แต่ว่าเขาไม่ยอมมา รอจนกระทั่งบ่าย 3 ร้อยเวรจึงให้ลงบันทึกประจำวันไว้

ถัดมาในวันที่ 20 เดือนพฤศจิกายน 65 ตนมองเห็นคู่กรณีขี่รถมาจอดไว้ที่โลตัส และ เดินผ่านร้านตน จำได้โดยทันที จึงเข้าไปถาม และ บอกให้ไปโรงพักกับตน เพื่อเคลียร์ ทีแรกๆเขาไม่ยอม ตนจึงบอกว่า ควรต้องควบคุมตัวไป ด้วยเหตุว่ามีบันทึกประจำวันไว้แล้ว

เขาจึงไปด้วย เมื่อไปพบกับเจ้าหน้าที่ปรากฏว่า และ ไม่ใช่เจ้าของคดีตน แต่ว่าเจ้าหน้าที่ท่านนั้นก็ให้เบอร์ติดต่อมา ซึ่งเป็นวันอาทิตย์โทรไปหาร้อยเวรเจ้าของคดียุ่ง บอกให้จัดการกันเอง ตนเลยถามคู่กรณีว่า ยอมรับไหมเสียประมาณ 1,1088 ค่าตัวกันชนไม่นับ ให้จ่ายแค่ 6,000 พอ ด้วยเหตุว่า เห็นใจ เป็นคนขายลูกชิ้น มีรายได้น้อย

แต่ว่าเขาตอบกลับบอกว่า ไม่มีเงินจ่าย ตนจึงบอกให้ทำสัญญาผ่อนหนี้เดือนละ 500 ขอแค่จ่ายรับผิดชอบบ้าง เขาจึง ขอยืมโทรศัพท์โทรตามคนหนึ่ง เป็น คนในคลิปผู้ก่อเหตุ มารู้คราวหลังเป็นอดีตผู้คุมของเรือนจำ

หลังจากนั้นอีก 15 นาที อดีตผู้คุมของเรือนจำมาถึงก็เดินมาถามค่าซ่อมแซมรถ ตนบอกไป 6,000 เขาบอกจะไปซ่อมแซมเอง ใช้อะไหล่เซียงกง น้ำเสียงที่คุยกันเต้มไปด้วยวิวาทะ ต่างคนต่างเสียงดัง ต้นเหตุมาจากตนบอกว่า เป็นรถปี 2022 จำต้องซ่อมแซมที่ศูนย์ตามสากล

แต่ว่าเขากลับเดินไปบอกเพื่อนว่า “ไม่ต้องจ่ายมันสักบาท ยอมติดคุก” แล้วเดินมาหาผมบอก “มึงอย่ามายุ่ง แล้วมึงจบ ไม่งั้นกูเอาเรื่องมึงแน่ กูยิงมึงแน่” พอตนได้ยินก็บอกไปว่า คุณเป็นบุคคลที่สามไม่เกี่ยวข้อง มาพูดอย่างงี้ได้ยังไง ตนจึงยกมือถือถ่ายคลิปไว้ แล้วเขาก็เปลี่ยนท่าทางสงบแล้วเดินขึ้นรถไป

ถัดมา นายสกาล วีรวัฒนา ลูกชายของ พ่อค้า ขายเป็ดย่าง ผู้เสียหาย เล่าว่า

เมื่อเวลา 15.00 น. วันเดียวกัน มีรถปิคอัพสีขาวมาหาที่บ้าน แต่ว่าไม่ลงรถ จอดประมาณ 20 นาที รอบสองก็มาอีก ตนผิดสังเกต จึงโทรถามพ่อว่าได้ถ่ายทะเบียนรถยนต์ของคู่กรณีไว้ไหม พอเช็กทะเบียนว่าปรากฎตรงกัน เมื่อคนในรถมองเห็นตนกำลังยกมือถือมาถ่าย ก็รีบขับหนีออกไป มาแบบนั้นอยู่ 3 รอบ พ่อจึงตัดสินใจโทรหาเพื่อนของที่ขับรถชน บอกว่า อย่าไปที่บ้าน อย่าไปยุ่งลูกภรรยาตน มีอะไรให้มาหาพ่อที่ขายเป็ดย่างหน้าร้าน

นางทัศนี วีรวัฒนา ภรรยาผู้เสียหาย เล่าต่อในเหตุการณ์เวลาที่ อดีตผู้คุมมาหาที่ร้านค้าว่า เขาลงจากรถมาชักปืน สามีก็วิ่งไปรวบตัว ตนมีความคิดว่า เขาจะเก็บทั้ง 3 คน ด้วยเหตุว่า ลงรถมา และ ยกปืนสาดเลย ดูท่าทางเมาด้วยเหตุว่าได้กลิ่น ตั้งแต่มาจอดรอบแรก สามีก็ไล่เขากลับ

นายอดุลย์เล่าเสริมว่า ตนบอกกับเขาว่าให้กลับไป ไม่ได้อยากต้องการมีเรื่องมีราวกับคนเมา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง น้ำเสียงของตนออกจะที่จะเสียงดัง โมโหที่ไประรานลูกตน แต่ว่าเขาบอกไม่จบ ถึงแม้ไม่ใช่คู่กรณี ก่อนที่จะเข้ามาถึงตัวระยะห่างเมตรกว่าๆ ตนรีบพุ่งเข้าใส่ไว้ก่อน ด้วยเหตุว่ามีปืน กระทั่งเกิดเหตุชลมุน

ตอนนี้นั้นกลัว แต่ว่าสามีบอกเจ็บกับตายมีอยู่ 2 อย่าง จึงให้ลูกกับภรรยาให้หนี หรือหาที่หลบซ่อน อย่างมากไม่เจ็บก็ตาย ด้วยเหตุว่าระยะแค่นิดเดียวจำต้องพุ่งเลย จังหวะพุ่งเข้าไป คือ ทำให้เสียหลักทั้ง 2 คน ตั้งใจจะรวบไว้ เหวี่ยงเขาลง หน้าเขาเลยลื่นไถลกับพื้น ไม่มีการต่อยเขาแต่อย่างใด

กดลงอย่างเดียว แล้วตะโกนบอกให้ลูกชายวิ่งเอาปืนออกจากมือ ในตอนนั้นมีลูกกระสุนปืนใส่แม็กกาซีนเต็มแม็ก คิดว่าน่าจะเก็บทั้งสาม ด้วยเหตุว่ายืนเรียงกัน

นายเอกภพ เหลืองประเสรฺิฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เปิดเผย

หากตำรวจไต่สวนตามที่ให้การ แจ้งคดีจะพยายามฆ่าได้เลย ด้วยเหตุว่า 1 ลูกกระสุน อยู่ในรังเพลิงมาแล้ว แล้วจำต้องพิสูจน์ว่า มีการสไลด์มาก่อนหรือไม่ ประกอบกับมีอาการมึนเมา จะรอให้เขายิงไม่ได้

การเข้าชาร์จเสี่ยงมาก เรื่องนี้ จะมองว่า ไม่มีการยิงแจ้งพยายามฆ่าไม่ได้นะ หากไต่สวนพฤติการณ์แล้ว บางทีอาจจะแจ้งพยายามฆ่าได้เลย ผู้ก่อเหตุเท่าที่รู้ ปัจจุบันนี้ยังรับราชการอยู่เลย แค่เพียงมีการโยกย้ายจากกรมราชทัณฑ์

ด้าน พ.ต.อ.จามร อันดี ผู้กำกับ สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า การแจ้งข้อกล่าวหาเกี่ยวกับกรณีดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นนั้น ความผิดแบ่ง 2 ส่วน เป็นอาญาแผ่นดินเป็นตำรวจเป็นผู้กล่าวหา และ ทางฝั่งผู้เสียหายกล่าวหา

ในส่วนของอาญาแผ่นดิน 3 ข้อกล่าวหาหลัก 1.พาอาวุธปืนไปที่หมู่บ้าน 2.พาอาวุธไปหมู่บ้านทางสาธารณะ 3. ตรวจวัดแอลกอฮอล์ สำหรับประเด็นการควบคุมตัว เบื้องต้นมีการซักถามคำให้การ แจ้งกล่าวหาตามความผิดที่เกี่ยวข้อง เมื่อมีการควบคุมไว้รัฐธรรมนูญ จำต้องคุมตัว 48 ชั่วโมง

แต่ว่าต่อมา ประมาณ 1 วัน ผู้ต้องหาใช้หลักทรัพย์เป็นตำแหน่งค้ำประกัน จึงปล่อยให้ประกันตัวได้ ในระหว่างนี้ หากผู้เสียหายแจ้งข้อกล่าวหา ก็ควรต้องมองตามการกระทำว่า มีความผิดฐานได้บ้าง การถึงขนาดพยายามฆ่าไหม ทั้งนี้ อยู่ในระหว่างซักถามรวบรวมหลักฐาน เพื่อคอยแจ้ง

ส่วนในกรณีที่บอกว่า อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีการช่วยเหลือ ด้วยเหตุว่า เป็นอดีตพนักงานอัยการ ย้ำว่า ไม่ได้ช่วยเหลือกัน น่าจะเป็นการติดต่อสื่อสารที่ผิดพลาด และ ในการประกันตัว

เราได้สอบถามการกระทำแล้ว หากผู้ต้องหามายุ่งเกี่ยวกับหลักฐาน หรือคดีแล้ว จะถอนประกันโดยทันที ซึ่งเรื่องนี้ตนเองได้ไปคุยกับผู้เสียหาย และ ชี้แจงการทำงานของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ยืนยันชัดเจนกับผู้เสียหายชัดเจนแล้ว เมื่อวานนี้